ทำไมการล้างพิษ จึงมีความสำคัญต่อสุขภาพ
ทำไมการล้างพิษจึงมีความสำคัญต่อสุขภาพ
การดำเนินเข้าสู่วัยชรานั้นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต มันเป็นสิ่งที่ วันหนึ่งเราทุกคนต้องเผชิญ แต่ในขณะที่ไม่มีใครสามารถหลบหนีความแก่ชราได้ แต่ข่าวดีก็คือ เราสามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบบางอย่างที่เลวร้าย เพียงแค่เลือกวิถีชีวิตที่ถูกต้อง นับตั้งแต่บัดนี้นี้
ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไรก็ตาม มันก็มีประโยชน์มากมาย จากการบำรุงรักษาร่างกายของคุณอย่างถูกต้อง แม้ว่าคุณเพิ่ง
จะเริ่มต้นเส้นทางเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับรถยนต์ของคุณต้องการการบำรุงรักษาเป็นประจำ ... ร่างกายของคุณก็
ต้องการการล้างพิษเป็นประจำเพื่อสุขภาพที่ดีเช่นเดียวกัน
ลองนึกภาพว่า มันจะเป็นอย่างไรถ้าโลกนี้ไม่มีมะเร็ง
ไม่มีการฉายแสง, เคมีบำบัด หรือการผ่าตัด ไม่มีการเดิน หรือวิ่งมาราธอนเพื่อระดมทุนในการค้นหาวิธีรักษามะเร็งไม่มีใครตายด้วยโรคมะเร็ง ... ไม่มีแม้แต่คนที่ได้รับการวินิจฉัย
ฟังดูเหมือนแฟนตาซีใช่มั้ย?
มันอาจเป็นอนาคตของเราก็ได้
อย่างไรล่ะ?
วิทยาศาสตร์ที่ล้ำสมัยล่าสุด ได้ค้นพบระบบการต่อสู้มะเร็งที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของคุณ…และมันสามารถหยุดหนึ่งใน
สาเหตุหลักของโรคมะเร็งในปัจจุบัน
และมันไม่ใช่เรื่องของพันธุกรรม
อันที่จริงแล้ว นั่นเป็นหนึ่งในความเข้าใจผิดที่สุดเกี่ยวกับโรคมะเร็ง
แต่คุณคงได้ยินมาตลอดเวลา ราวกับว่ามันเป็นความจริงที่พิสูจน์แล้วว่า พันธุกรรมเป็นสาเหตุของมะเร็ง ตามที่ปรากฏ
อยู่ตามสื่อ มีการรายงานว่า 30% - 50% ของมะเร็งทั้งหมดเกิดจากยีนของคุณ
การวิจัยในปัจจุบัน กำลังเผยให้เห็นว่าตัวเลขนั้นผิด
จากหลักฐานล่าสุดแสดงให้เห็นว่า มีเพียงร้อยละ 5 ของโรคมะเร็งเท่านั้น ที่เกิดจากพันธุกรรม
แล้ว 95% อื่นล่ะ?
หลักฐานทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ว่า เรากำลังว่ายอยู่ใน “ทะเลแห่งมะเร็ง”
ทุกวันนี้โรคมะเร็งแพร่ระบาดรุนแรงยิ่งขึ้น จากข้อมูลของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ “ในปี 2555 มีผู้ป่วยรายใหม่ 14 ล้านราย และผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง 8.2 ล้านคนทั่วโลก
จำนวนผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่จะเพิ่มขึ้นเป็น 22 ล้านคนภายในอีกสองทศวรรษข้างหน้า” ในขณะที่จำนวนผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี แต่ไม่พบการรักษาใหม่อย่างแท้จริง มีแค่การตรวจวินิจฉัยมะเร็งแบบใหม่
การผ่าตัดแบบใหม่, เคมีบำบัดแบบใหม่ และการฉายรังสีแบบใหม่ นี่คือสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวีนนี้ บริษัทยา และการแพทย์กระแสหลัก ต่างก็ลงทุนด้านการเงินในการหาวิธีการตรวจวินิจฉัยมะเร็ง, การผ่าตัด, เคมีบำบัด และการ
ฉายรังสีแบบใหม่เพิ่มขึ้น เนื่องจากผลกำไรของพวกเขาขึ้นอยู่กับมัน
ในขณะเดียวกัน บริษัทต่างๆกำลังปิดบังความจริงเกี่ยวกับหนึ่งในสาเหตุอันดับต้น ๆ ของโรคมะเร็งจากคุณ เพราะสิ่งที่พวก
เขาขาย นั้นเป็นสาเหตุของมะเร็ง ดังนั้น พวกเขาจึงปกปิดทุกรายงานที่แสดงว่าผลิตภัณฑ์ของพวกเขามีอันตรายอย่างไร
นั่นเป็นเหตุผลที่คุณจะไม่เห็นข่าวพาดหัวที่จะแสดงว่า สารพิษเป็นหนึ่งสาเหตุใหญ่ที่สุดที่อยู่เบื้องหลังอัตราการเกิดมะเร็งที่
กำลังขยายตัวในปัจจุบัน
สารพิษในผักผลไม้สด, ในเครื่องสำอางค์, ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ... นมผงเด็ก, น้ำดื่ม, วัสดุคลุมดินในสวน ... ภาชนะพลาสติก,
เฟอร์นิเจอร์, พรมปูพื้น ...
ความจริงก็คือเราได้วางยาพิษตัวเอง
โลกมนุษย์ ถูกสร้างขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ และร่างกายเราก็เช่นเดียวกัน
จากนั้นทุกสิ่งที่เราสร้างขึ้นเพื่อความก้าวหน้าและอนาคตที่สดใส ... กลายเป็นสาเหตุของมะเร็ง สิ่งต่าง ๆ เช่น อาหารที่เต็ม
ไปด้วยสารก่อมะเร็ง, ระดับมลพิษทางอากาศที่เป็นอันตราย, เทคโนโลยีการแผ่รังสีที่เป็นพิษ, การปลูกพืชที่เต็มไปด้วยการใช้
สารพิษ ฯลฯ
ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพชั้นนำต่างเห็นพ้องกัน ว่าหนึ่งในสาเหตุใหญ่ที่สุดของโรคมะเร็งคือ ร่างกายที่เป็นพิษ
ทำไมร่างกายของเราจึงไม่สามารถ Detox ด้วยตัวเองอีกต่อไป
ร่างกายของเราได้รับการออกแบบมาอย่างสมบูรณ์ เพื่อจัดการกับสารพิษตามธรรมชาติในปริมาณปกติ
แต่สารพิษที่มนุษย์สร้างขึ้นจำนวนมากที่เราได้สัมผัสในโลกสมัยใหม่ของเรานั้น มากเกินกว่าที่ร่างกายของเราจะจัดการได้
ตามข้อมูลของคณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า มีสารเคมีที่มนุษย์สร้างขึ้นเกือบ 85,000 ชนิดที่ปัจจุบันได้รับการอนุมัติให้
ใช้ในสหรัฐอเมริกา และยังคงมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอีกอย่างรวดเร็ว
ดังนั้น สารพิษจึงสะสมในร่างกายของเรา และกระบวนการของโรคก็จะเริ่มขึ้น
นี่คือสิ่งที่แม้แต่การแพทย์กระแสหลักก็ต้องยอมรับ พวกเขาเรียกสารพิษเหล่านี้ว่า "สารก่อมะเร็ง" สารก่อมะเร็งเป็นเพียง
สารพิษที่ได้รับการยืนยันว่าเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง
แต่สารพิษทั้งหมด สามารถนำไปสู่ร่างกายที่เป็นพิษ และเกิดการพัฒนาเป็นโรคมะเร็ง
นี่เป็นสถิติเกี่ยวกับสารพิษที่น่ากลัว:
- มะเร็งเต้านม มีความเชื่อมโยงกับสารพิษโลหะหนัก เช่น โคบอลต์, ตะกั่ว และทังสเตน
- ความเสี่ยงที่ลูกๆของคุณจะเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว เพิ่มขึ้น 70% หากบ้านของคุณอยู่ในระยะ 200 หลา จากสายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้า
- การสัมผัสกับสารกำจัดศัตรูพืช, สารกำจัดวัชพืช, สีย้อมบางชนิด, ปิโตรเคมี และสารพิษอื่น ๆ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับอ่อน
บริษัทที่ทำธุรกิจด้วยความโลภ จะทำทุกอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้คุณได้รู้ถึงสถิติเหล่านี้
ที่จริงแล้ว ในคดีล่าสุด โดยเหยื่อที่เป็นมะเร็ง กับ มอนซานโต (Monsanto) หลักฐานถูกค้นพบว่ามอนซานโตรังแกนักวิทยาศาสตร์
ให้ปิดปากเกี่ยวกับความจริงที่ว่า ยาฆ่าแมลง Roundup ของพวกเขาทำให้เกิดโรคมะเร็ง
พบอีเมลของบริษัท ที่แสดงให้เห็นว่า มอนซานโตกำลังปกปิดรายงาน เกี่ยวกับความเกี่ยวพันของผลิตภัณฑ์ของพวกเขากับโรคมะเร็ง
ทีมกฎหมายของโจทก์ยังพบหลักฐานว่า มอนซานโตมีผลการวิจัยที่บิดเบือน เพื่อ“ พิสูจน์” ว่า Roundup นั้นปลอดภัย
แน่นอน สารกำจัดวัชพืช และยาฆ่าแมลง เป็นเพียงยาพิษหยดเดียวในโลกของเรา และเรากำลังว่ายอยู่ในทะเลแห่งยาพิษนั้น
เป็นประจำทุกวัน
ทำไมเราต้องดีท็อกซ์ร่างกายของเรา
ร่างกายมนุษย์ เหมือนเครื่องยนต์ของรถยนต์ ตรงที่มันมีแนวโน้มที่จะ “อุดตัน” จากการสัมผัสกับสารพิษอย่างต่อเนื่อง ผลิตภัณฑ์
เคมีที่ใช้ทำความสะอาด , มลภาวะในสิ่งแวดล้อม, ยา, อาหารแปรรูป ฯลฯ - สิ่งเหล่านี้ เป็นภาระของกระบวนการกำจัดสารพิษตาม
ธรรมชาติของร่างกาย ในขณะที่ระบบของร่างกายเรานี้ ได้รับการออกแบบมาเพื่อจับ และขับล้างสารพิษออกจากร่างกายให้
มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่มันก็สามารถที่จะถูกโจมตีด้วยสารพิษอันมากมายมหาศาลอย่างต่อเนื่องของโลกสมัยใหม่ของเรา ดังนั้น การเสริมสร้างความสามารถในการขับสารพิษของร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้แน่ใจว่า ร่างกายเราจะสามารถ
กำจัดสารพิษใดๆออกทั้งหมดอย่างรวดเร็ว และทั่วถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องปฏิบัติตามโปรโตคอลบางอย่าง
เป็นประจำ
การล้างพิษเป็นวิถีชีวิตที่จำเป็น
การล้างพิษเป็นอะไรที่มากกว่าความคิดที่ผิวเผินของความรู้สึก "สะอาด" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์อาหารสมัยใหม่ มันเกี่ยวกับการปกป้องร่างกายของคุณ จากผลกระทบที่แท้จริง และจากความเสียหายของการสะสมพิษ จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่า การมีสารพิษสะสมอยู่ในร่างกาย สามารถก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพมากมาย - ตั้งแต่ความเหนื่อยล้าเรื้อรัง, ปวดกล้ามเนื้อ และปวดข้อ ไปจนถึงโรคทางสมอง และมะเร็ง
การได้รับพิษเรื้อรัง ยังเป็นสาเหตุสำคัญของโรคอ้วน ซึ่งมีผลกระทบมากกว่าหนึ่งในสามของชาวอเมริกัน การศึกษาในปี 2012
ที่ตีพิมพ์ในวารสาร มุมมองด้านสุขภาพสิ่งแวดล้อม (Environmental Health Perspectives) อธิบายถึง การที่ “obesogens -
สารเคมีที่ไปรบกวนต่อมไร้ท่อ” เป็นตัวการหลักที่ทำให้เกิดโรคอ้วน ซึ่งบ่อยครั้งจะไปกล่าวโทษแต่การรับประทานอาหารมากเกินไป
แทนที่จะพูดถึงสาเหตุหลัก คือ การมีร่างกายที่เต็มไปด้วยสารพิษและมลภาวะ
ทำไมจึงต้องล้างสารพิษในร่างกายก่อนการลดน้ำหนัก
ปัญหาที่เกิดขึ้นในการพยายามลดน้ำหนักก่อนล้างพิษ ก็คือ สารพิษยังอยู่ในเนื้อเยื่อไขมัน ซึ่งหมายความว่า ตั้งแต่นาทีแรก
ที่คุณเริ่มต้นเผาผลาญไขมันนั้น สารพิษเหล่านั้นจะเริ่มท่วมท้นเข้าสู่ระบบของคุณทันที และขึ้นอยู่กับระดับความเป็นพิษของ
ร่างกายคุณ สารพิษเหล่านี้ อาจไปสะสมอยู่ที่อวัยวะสำคัญของคุณ
ผู้ให้การรักษาแบบองค์รวมหลายคน แนะนำให้ทำดีท็อกซ์ร่างกายก่อนที่จะพยายามลดน้ำหนัก นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณควร
ดูแลเรื่องอาหารให้ปราศจากสารพิษเท่านั้น แต่ก่อนอื่น เราต้องทำอะไรบางอย่างก่อนที่จะเริ่มดำเนินการยกเครื่องอาหาร
ที่จะทำให้คุณลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็วมาก
“จนถึงตอนนี้ เราพบว่า สารพิษส่วนใหญ่เป็นโมเลกุลที่ละลายในไขมัน” จากรายงานในปี 2002 ของ Deanna J. Liska, PhD
ที่ได้อธิบายไว้ เกี่ยวกับธรรมชาติของสารพิษที่ฝังตัวอยู่ในเนื้อเยื่อไขมัน โดยในรายงานได้อธิบายว่า:
"ในขณะที่โมเลกุลของสารพิษที่ละลายในน้ำ จะถูกขับออกทางปัสสาวะ แต่โมเลกุลที่ละลายในไขมันจะไม่สามารถเข้าไปในปัสสาวะ
ได้ และจะถูกดึงดูดไปที่ชั้นไขมันในเยื่อหุ้มเซลล์ การดึงดูดนี้เอง ช่วยให้สารพิษสามารถเข้าไปภายในเซลล์ได้อย่างง่ายดาย
และไปทำให้เกิดผลร้ายต่างๆในระดับเซลล์”
วิธีการดีท๊อกซ์ร่างกาย: แหล่งที่มาของสารพิษมากที่สุด 7 แหล่ง
สิ่งแรกที่คุณต้องทำก่อนที่จะเริ่มทำการดีท๊อกซ์ ก็คือต้องลดการได้รับพิษเข้าร่างกายมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่มีประโยชน์
ในการพยายามกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย ถ้าคุณยังได้รับสารพิษอย่างต่อเนื่อง อาจจะโดยไม่เจตนาก็ตาม เพื่อให้ร่างกาย
มีกระบวนการล้างสารพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณจะต้องให้ตับ และลำไส้ ได้หยุดพักจากการทำหน้าที่ขับสารพิษจำนวนมาก
ในคราวเดียว
ต่อไปนี้เป็นแหล่งที่มาของสารพิษที่พบได้ทั่วไป 7 ประการที่คุณต้องระวัง:
#1 – Endocrine-disrupting chemicals (EDCs) - สารที่รบกวนการทำงานของต่อมไร้ท่อ
เป็นทั้งความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมและอาหาร สาร EDC รวมถึง สาร phthalates ในพลาสติก, polychlorinated biphenyls
(PCBs) ในอุปกรณ์ไฟฟ้า และหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์, bisphenol-A (BPA) ที่ใช้ในการเคลือบด้านในของกระป๋องบรรจุอาหาร,
สเตียรอยด์สังเคราะห์ในผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ และสารประกอบเอสโตรเจนในอาหารที่ทำจากถั่วเหลือง
#2 – Pesticides (ยาฆ่าแมลง)
เหตุผลที่ควรซื้อ และบริโภคผลิตผลทางการเกษตรและเนื้อสัตว์ ที่ปลอดสารเคมีทุกครั้งที่เป็นไปได้ ก็เพราะสารกำจัดศัตรูพืช
ที่อยู่ในอาหารทั่วไปมีพิษสูง ยาฆ่าแมลง และสารกำจัดวัชพืช ถูกออกแบบมาเพื่อทำลายสิ่งมีชีวิต มันสามารถสะสมอยู่
ในร่างกาย และคอยทำลายสุขภาพของเรา
#3 – “Soft” and Heavy Metals (โลหะหนัก)
สิ่งที่ทำให้โลหะเช่นตะกั่ว, อลูมิเนียม, ปรอท, แคดเมียม, สารหนู และนิกเกิล เป็นอันตรายต่อเรา ก็คือ พวกมันกำลังแพร่กระจายอย่างมากสู่สภาพแวดล้อม บ่อยครั้งที่พวกมันจะไม่แสดงผลทันทีในร่างกายเรา เนื่องจากมีการสะสมทีละเล็กทีละน้อย แหล่งของสารพิษโลหะหนักเหล่านี้ ได้แก่ :
- มลภาวะทางอากาศ
- Non- stick cookware (ภาชนะชนิดเคลือบผิวลื่น)
- เครื่องสำอาง
- วัคซีน
- การอุดฟันด้วยอมัลกัม
- ควันบุหรี่
- ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในครัวเรือนทั่วไป
- ผลิตภัณฑ์อาหารที่ปนเปื้อน
ตัวอย่างเช่นอาหารแปรรูปที่มีน้ำเชื่อมข้าวโพดฟรุกโตสสูง (high-fructose corn syrup) เป็นแหล่งของสารปรอท เช่นเดียวกับข้าวกล้อง (และข้าวอื่นๆ ) ที่ปลูกในดินปนเปื้อน
#4 – Fluoride (ฟลูออไรด์)
พิษจากการทำลายสมองและกระดูก ยากที่จะหลีกเลี่ยง หากคุณอาศัยอยู่ในชุมชนที่เติมฟลูออไรด์ลงในแหล่งน้ำสาธารณะ
#5 – Food Additives, Preservatives, and Growth Hormones (วัตถุเจือปนอาหาร, สารกันบูด และฮอร์โมนการเจริญเติบโต)
มีคำพูดที่บอกว่า ถ้าอาหารอะไรโฆษณาทางโทรทัศน์ คุณอาจไม่ควรกินมัน! ผลิตภัณฑ์อาหารที่บรรจุหีบห่อ และอาหารแปรรูป
มากมาย เต็มไปด้วยสารกันบูด เช่น โซเดียมเบนโซเอต, โมโนโซเดียมกลูตาเมต (MSG - ผงชูรส), น้ำตาลขัดขาว, สารให้ความ
หวานเทียม, สีผสมอาหารสังเคราะห์ และสารสังเคราะห์อื่นๆที่ไม่ใช่อาหาร ที่นำไปสู่การแก่ก่อนวัย และโรคที่เกิดจากความเสื่อม
หลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ และกินเฉพาะอาหารที่บริสุทธิ์ และเรียบง่าย ที่ปลูกแบบออร์แกนิก, ทำจากส่วนประกอบที่ไม่ผ่านการฉาย
รังสี ก็จะช่วยให้ลดการได้รับสารพิษเข้าสู่ร่างกายคุณ
#6 – Electronic Smog
หรือที่เรียกว่า Electromagnetic Frequency (EMF - สนามแม่เหล็กไฟฟ้า) หรือ Electromagnetic Radiation (EMR - คลื่นแม่เหล็ก
ไฟฟ้า) สิ่งเหล่านี้เป็นสารพิษที่มองไม่เห็น คนส่วนใหญ่จึงไม่ได้คิดถึงมากนัก แต่โทรศัพท์มือถือ, Wi-Fi, สมาร์ทมิเตอร์,
เสาสัญญานของระบบ 5G, เตาอบไมโครเวฟ, แล็ปท็อป และอุปกรณ์อื่น ๆ อีกมากมาย กำลังปลดปล่อยรังสีอยู่ตลอดเวลาสู่สิ่ง
แวดล้อมรอบตัวคุณ ซึ่งจะสร้างความเสียหายในระดับเซลล์ และยังสามารถเปลี่ยนแปลงรหัสพันธุกรรมในเซลล์ของคุณได้
ตัวอย่างเช่น การได้รับรังสีจากโทรศัพท์มือถือ มีความเชื่อมโยงกับมะเร็งหลายชนิด รวมถึงมะเร็งสมอง 2 ประเภท (gliomas
และ acoustic neuromas) การหลีกเลี่ยงอุปกรณ์เหล่านี้เป็นเรื่องยากสำหรับคนส่วนใหญ่ ดังนั้น จำกัดการใช้อุปกรณ์เหล่านี้
ให้น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และลองหาเครื่องมือบางอย่างที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อต่อต้าน EMF
#7 – Pharmaceutical Drugs
สิ่งที่สังคมส่วนใหญ่บอกว่าเป็นยา (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการรักษาโรคมะเร็ง) ร่างกายของเรามองว่าเป็นยาพิษ ยา
เป็นหนึ่งในสารพิษที่เลวร้ายที่สุดในโลกสมัยใหม่ของเรา ยาเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะสะสมอยู่ในเนื่อเยื่อไขมัน และระบบประสาท
ยาบางชนิดมีค่าครึ่งชีวิตที่ยาวนาน ซึ่งหมายความว่า พวกมันจะไม่สลายตัวไปอย่างรวดเร็ว และอาจใช้เวลาเป็นเดือน หรือเป็น
ปี กว่าที่จะถูกกำจัดออกไปจากร่างกายจนหมด
เราไม่ได้แนะนำให้ทุกคนเลิกทานยา แต่ก่อนที่จะรับใบสั่งยาจากแพทย์ คุณควรถามแพทย์ว่า มีวิธีอะไรบ้างไหม เช่น การเปลี่ยนแปลง
อาหาร หรือวิถีชีวิต ที่อาจใช้แทนการรับประทานยาได้ คุณจะประหลาดใจ ที่พบว่า มีอาการ หรือโรคมากมาย ที่สามารถดีขึ้นได้
หากได้รับการแก้ไขผ่านการเปลี่ยนแปลงอาหาร และการปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิต เช่น ดูแลเรื่องระดับความเครียด และคุณภาพ
การนอนหลับ