DMPS (โซเดียม 2,3-ไดเมอร์แคปโตโพรเพน-แอล-ซัลโฟเนท) คือ เกลือของกรดซัลโฟนิกที่มีหมู่ซัลฟ์ไฮดริลอิสระ (free SH group) ซึ่งมาเกิดเป็นสารเชิงซ้อนกับโลหะหนัก เช่น ปรอท, แคดเมียม, สารหนู, ตะกั่ว, ทองแดง, เงิน, ดีบุก, และอื่นๆ สารนี้ถูกพัฒนาขึ้นในประเทศจีน ต่อมามีการนำไปใช้ในประเทศรัสเซีย (ใช้สำหรับคนงานที่บาดเจ็บจากการได้รับโลหะหนัก) และจากนั้นมีการนำไปใช้ต่อในประเทศเยอรมนีตะวันตก ศาสตราจารย์นายแพทย์ Max Daunderer ในเมืองมิวนิคได้ตีพิมพ์งานวิจัยจำนวนหนึ่งเรื่องการใช้ DMPS เขาพบว่า DMPS คือ สารใช้สำหรับขจัดพิษในผู้ป่วยที่ทุกข์ทรมานจากความเป็นพิษของอะมัลกัมหลังจากที่ทำการรื้อวัสดุอุดฟันออก การฉีด DMPS เข้าสู่เส้นเลือดดำส่งผลให้เกิดการเทโลหะหนักปริมาณมากเข้าสู่ไต 50% จะถูกขับออกในช่วง 6 ชั่วโมงหลังจากการฉีด และ 90% จะถูกขับออกหลังจากผ่านไป 24 ชั่วโมง การรับประทาน DMPS ส่งผลให้มีการขับโลหะหนักออกทางอุจจาระเป็นส่วนใหญ่ แต่จากประสบการณ์ของเราพบว่าการขับออกทางอุจจาระมีประสิทธิผลน้อยกว่ามาก DMPS ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นสารสำหรับใช้ "ทำความสะอาด" ไตจากโลหะหนักที่ตกค้าง และปรับปรุงการทำงานของไตให้ดีขึ้นในผู้ป่วยที่ได้รับโลหะหนัก
ผลที่เกิดขึ้น
จากการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ การเคลื่อนไหวทางประสาท เราพบว่า ไต, ตับ, และสมอง โดยทั่วไปแล้วจะเกิดความเครียดเล็กน้อยเป็นระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์หลังจากการฉีด DMPS ซึ่งเป็นช่วงที่โลหะหนัก "ตัวใหม่" กำลังเคลื่อนที่จากในเซลล์ออกสู่นอกเซลล์ ดังนั้น สารปรอทที่ออกมาหลังจากการฉีด DMPS ครั้งแรก จะเป็นสารปรอทที่เพิ่งจะได้รับมาล่าสุดเท่านั้น แต่การฉีดครั้งต่อๆไปจะได้โลหะหนักที่สะสมในร่างกายออกมาในที่สุด เซลล์จะเริ่มเทโลหะหนักออกมาสู่เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน อย่างไรก็ตาม ถ้าหากไม่ทำการให้ DMPS อีกครั้งภายในระยะเวลาที่กำหนด โลหะหนักดังกล่าวก็จะกระจายตัวกลับจากภายนอกเซลล์เข้าสู่ภายในเซลล์อีกครั้ง โลหะหนักภายนอกเซลล์ เป็นสาเหตุของอาการต่างๆ เช่น ปวด, แผลไหม้, ปัญหาทางเดินอาหาร, และอาการอื่นที่เกี่ยวข้องกับโลหะหนัก ถ้าโลหะหนักอยู่ภายในเซลล์ ผู้ป่วยจะไม่แสดงอาการ แต่ระบบภูมิคุ้มกันจะทำงานผิดปกติในระดับลึก นำไปสู่โรคที่ร้ายแรงในภายหลัง เมื่อการวิเคราะห์โลหะหนักกลับมาได้ผลเป็นลบ ผู้ป่วยที่ใช้การทดสอบวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวทางประสาทมักจะยังพบ พิษจากโลหะหนักซ่อนอยู่ใน เนื้อเยื่อบริเวณต่างๆ ดังนั้น ผู้ป่วยจะยังได้รับประโยชน์จากการฉีด DMPS ครั้งต่อๆไปในบริเวณเฉพาะแห่งโดยการใช้วิธีประสาทบำบัด (การฉีดแบ่งเป็นส่วน, การฉีดข้างกระดูกสันหลัง, การบล็อกปมประสาทอัตโนมัติด้วยลิโดเคนและ DMPS ปริมาณเล็กน้อย ได้แก่ ลิโดเคน 10 ส่วน กับ DMPS 1 ส่วน)
ผลการรักษา
ถ้าได้รับการให้ DMPS อย่างเพียงพอ อาการของผู้ป่วยจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และมักจะดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ ถ้ามีการให้ DMPS ในจำนวนครั้งที่น้อยเกินไป บางครั้งผู้ป่วยจะไม่มีอาการดีขึ้น (เนื่องจากโลหะหนักที่สะสมอยู่ในร่างกายยังลดลงไม่มากพอ) จากการสังเกตการณ์ที่สอดคล้องมากที่สุดคือ ผู้ป่วยแต่ละคนที่ทำการรักษาด้วย DMPS หลายครั้ง ดูเหมือนจะเยาว์วัยขึ้น (ผมงอกเพิ่มขึ้นมา, ผิวพรรณดูอ่อนนุ่มและสีอมชมพู , ค่าต่างๆจากการทดสอบในห้องปฏิบัติการจะกลับมาเป็นปกติ) อาการปวดเรื้อรังและโรคทางระบบประสาทจะมีข้อบ่งชี้ต่างๆเป็นที่น่าพอใจมากที่สุด แม้ว่า DMPS จะไม่ข้ามผ่านโครงสร้างที่ขวางกั้นระหว่างสมองกับเลือด (blood brain barrier) ก็ยังพบว่า โรคทางระบบประสาทมีอาการดีขึ้นมาก สิ่งนี้สามารถอธิบายอย่างง่ายจากกฎของการออสโมซิสว่า ถ้าเนื้อเยื่อเกี่ยวพันและระบบหลอดเลือดปราศจากโลหะหนัก และ สมองกับระบบประสาทมีโลหะหนักสะสมอยู่มาก เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งปรากฏว่า โลหะหนักจะสามารถย้ายจากสมองไปยังเนื้อเยื่ออื่นซึ่งร่างกายสามารถขจัดมันออกมาได้ อย่างไรก็ตาม เราแนะนำให้ทำการรักษาจนเสร็จสิ้น (ตอนที่ไม่มีโลหะหนักถูกตรวจพบอีกจากการทดสอบปัสสาวะ) โดยแผนการรักษาด้วยกรดไดเมอร์แคปโตซัคซินิค (DMSA) เป็นระยะเวลา 3 วัน แม้ DMPS จะมีแรงสัมพรรคภาพจับกับปรอทอย่างมาก แรงสัมพรรคภาพมากที่สุดจะเป็นของทองแดงกับสังกะสี(II) ซึ่งจะเป็นโลหะปริมาณมากที่ปรากฏอยู่ในปัสสาวะเป็นอันดับแรก การทดสอบปัสสาวะ "แบบปกติ" จะพบทองแดงในระดับสูงและแมงกานีสในระดับต่ำ การพิจารณาว่าใครมีความเป็นพิษจากทองแดงก็ต่อเมื่อ ระดับทองแดงของเขามากกว่าค่าขอบบนของช่วงอ้างอิงอยู่ 4 เท่า ถ้าร่างกายผู้ป่วยมีโลหะหนักเหล่านี้สะสมอยู่มาก จะไม่พบปรอทในการทดสอบแรก การทดสอบ DMPS ต่อไปเท่านั้นที่จะพบปรอท ตราบเท่าที่ยังมีปรอทสะสมอยู่มากในร่างกาย เกือบทั้งหมดจะไม่พบโลหะหนักชนิดอื่นในปัสสาวะ เมื่อระดับปรอทเริ่มจะลดลง สารตะกั่ว, นิกเกิล, เงิน, แคดเมียม, และอื่นๆ จึงจะปรากฏอยู่ในปัสสาวะ สิ่งนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเข้าใจ ขณะที่โลหะหนักชนิดต่างๆปรากฏขึ้นในการทดสอบปัสสาวะในเวลาต่างๆกัน อาการของผู้ป่วยก็จะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นกันในช่วงที่ทำการขจัดสารพิษ
ข้อห้ามใช้
ผู้ป่วยสามารถเกิดผลข้างเคียงอย่างรุนแรงได้จาก DMSA อันเป็นผลจากการเคลื่อนย้ายแร่ธาตุปริมาณมากภายในระบบประสาทซึ่งเกิดจากสารดังกล่าว เราพบว่าแอลกอฮอล์ระดับปริมาณปานกลาง เช่น ไวน์หรือเบียร์ จะสามารถต้านฤทธิ์ผลข้างเคียงเหล่านี้ได้บ้าง การฉีด DMPS เข้าเส้นเลือดดำไม่ควรทำในผู้ป่วยที่มีวัสดุอุดฟันสีเงินที่ทำด้วยอะมัลกัม DMPS จะปรากฏอยู่ในน้ำลายและผิวของวัสดุอุดฟัน กระบวนการนี้จะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาหลายวัน อย่างไรก็ตามความเข้มข้นของ DMPS ในเลือดจะลดลงอย่างรวดเร็วมาก ดังนั้น ผู้ป่วยที่มีวัสดุอุดฟันอะมัลกัมสามารถเกิดความเป็นพิษอย่างเฉียบพลันจากโลหะหนัก โดยเยื่อบุทางเดินอาหารจะเกิดการบาดเจ็บหลังจากการฉีด DMPS อย่างไรก็ตาม ควรให้ DMPS ทันทีหลังจากมีการรื้อวัสดุอุดฟันอะมัลกัมอันสุดท้ายออกจากปากของผู้ป่วย