Bio-Magnesium

ไบโอ - แมกนีเซียม

แมกนีเซียมคอมเพล็กซ์ - ละลายน้ำและดูดซึมได้สูง (มังสวิรัติ)

  • ไบโอ - แมกนีเซียมประกอบด้วยสารประกอบเชิงซ้อนที่มีเกลือแมกนีเซียม 3 ชนิดที่แตกต่างกัน   ทำให้ละลายได้เร็วและดูดซึมได้ง่าย
  • ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้เป็นปกติ
  • มีส่วนช่วยในการทำงานของเส้นประสาท  และการหดตัวของกล้ามเนื้อตามปกติ
  • มีส่วนช่วยในการลดความเหนื่อยล้า, อ่อนเพลีย
  • ผลิตภายใต้การควบคุมด้านเภสัชกรรมของเดนมาร์ก

1 เม็ดประกอบด้วย:   แมกนีเซียม 200 มก.

การลงทะเบียน FDA

ข้อมูลผลิตภัณฑ์

         ขนาดรับประทาน  :  วันละ 1 เม็ด  หรือตามแพทย์แนะนำ   ไม่ควรรับประทานเกินปริมาณที่แนะนำต่อวัน

         สามารถรับประทานทั้งเม็ด  หรือละลายในน้ำ ไม่จำเป็นต้องรับประทานพร้อมกับอาหาร

         ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่ควรทดแทนอาหารที่หลากหลาย    วิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีและการรับประทานอาหารที่สมดุลหลากหลายมีความสำคัญต่อการรักษาสุขภาพที่ดี

         เหมาะสำหรับผู้ทานมังสวิรัติ

         ส่วนประกอบ  :  แมกนีเซียม คาร์บอเนต, แมกนีเซียม ไฮดรอกไซด์, แมกนีเซียม อะซิเตท
 ไมโครคริสตัลไลน์ เซลลูโลส, ไดแคลเซียม ฟอสเฟต,  ซิลิกอนไดออกไซด์

         การจัดเก็บ  :  ควรเก็บในที่มืดแห้ง  และที่อุณหภูมิห้อง   เก็บให้พ้นมือเด็ก

 

ไบโอ - แมกนีเซียมคืออะไร?

         ไบโอ - แมกนีเซียม  เป็นเกลือแมกนีเซียมที่แตกต่างกัน 3 ชนิดBio-magnesium tablet split in three parts แต่ละเม็ดให้แมกนีเซียมบริสุทธิ์ 200 มก.     ไบโอ - แมกนีเซียม มีส่วนผสมของแมกนีเซียมในรูปแบบอินทรีย์และอนินทรีย์ในเมทริกซ์  ซึ่งทำให้ละลายหมดภายในเวลาไม่กี่นาที   แมกนีเซียมจะถูกเปลี่ยนเป็นไอออนที่ดูดซึมได้  และมีการดูดซึมสูง   แม้ในผู้ที่มีปริมาณกรดในกระเพาะอาหารต่ำ     โดยปกติแล้วเม็ดไบโอ - แมกนีเซียม สามารถกลืนได้เม็ด   และยังสามารถเคี้ยวหรือละลายในน้ำได้เช่นกัน     ไบโอ - แมกนีเซียม ไม่จำเป็นต้องบริโภคร่วมกับอาหาร

 

 

การทดสอบแมกนีเซียม

         Two glasses of water with respectively, Bio-Magnesium and a rival preparation

         คุณ  ในฐานะผู้บริโภค  สามารถทดสอบได้ว่าเม็ดแมกนีเซียมของคุณละลายได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่     เราได้วางเม็ดแมกนีเซียมสองเม็ดในแก้วน้ำแยกกัน    ในแก้วด้านซ้าย คือ Bio-Magnesium จาก Pharma Nord จะละลายจนหมด  และพร้อมที่จะดูดซึมหลังจากนั้นไม่กี่นาที ในแก้วทางด้านขวา  เราใส่แท็บเล็ตแมกนีเซียมยี่ห้ออื่น    แม้ว่าจะอยู่ในน้ำ 24 ชั่วโมง  แมกนีเซียมยี่ห้อนั้น ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะละลาย

          การดูดซึม

         

         การศึกษาในปี 2008 พบว่า  หลังจากรับประทาน ไบโอ - แมกนีเซียม ทุกวันเป็นเวลา 8 สัปดาห์   ปริมาณแมกนีเซียมในเลือดสูงกว่ากลุ่มควบคุมที่ไม่ได้รับแมกนีเซียมถึง 6 เท่า

แมกนีเซียมคืออะไร?

         แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นและเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างอัลคาไลน์    นอกจากนี้  ยังเป็นแร่ธาตุที่มีมากเป็นอันดับ 4 ในร่างกายมนุษย์   98% ของแมกนีเซียมจะอยู่ในเซลล์    ในผู้ใหญ่มีแมกนีเซียมประมาณ 24 กรัม    ประมาณ 25% ของแมกนีเซียม พบในเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อ  และประมาณ 60% อยู่ในกระดูกของเราร่วมกับแร่ธาตุอื่น ๆ เช่น แคลเซียมและฟอสฟอรัส

         แมกนีเซียม มีบทบาทสำคัญหลายประการในร่างกาย    สนับสนุนกระบวนการของเอนไซม์ที่แตกต่างกันมากกว่า 300 กระบวนการ     สิ่งต่อไปนี้  อาจช่วยอธิบายความสำคัญของแมกนีเซียมได้     แมกนีเซียมมีส่วนช่วยในการ:

  • การทำงานของกล้ามเนื้อตามปกติ
  • การเผาผลาญพลังงานปกติ
  • บำรุงกระดูกและฟันให้เป็นปกติ
  • ฟังก์ชั่นทางจิตวิทยาปกติและสมดุลของอิเล็กโทรไลต์
  • การทำงานปกติของระบบประสาท
  • ลดความเหนื่อยล้า
  • การสังเคราะห์โปรตีนตามปกติ
  • และมีบทบาทในกระบวนการแบ่งเซลล์

         วิทยาศาสตร์เริ่มให้ความสนใจแมกนีเซียมมากขึ้น  เนื่องจากแร่แมกนีเซียมมีบทบาทอย่างมากต่อการทำงานของร่างกายที่แตกต่างกันมากมาย    ในขณะเดียวกัน  ความต้องการแมกนีเซียมเสริม  ก็จะมากขึ้นในหมู่นักดื่มกาแฟ  และนักกีฬา   เนื่องจากการบริโภคกาแฟมากเกินไป  และเหงื่อออกมาก  จะทำให้แมกนีเซียมในร่างกายหมดไป

แหล่งแมกนีเซียมที่ดี

         แมกนีเซียมพบได้ในอาหารที่แตกต่างกัน     แหล่งที่ดีของแมกนีเซียม ได้แก่ :

  • ถั่ว
  • อัลมอนด์
  • ผักใบเขียว
  • เมล็ดพืช
  • ข้าวโอ้ต
  • ผักตระกูลคะน้า - กะหล่ำปลี
             มีแมกนีเซียมอยู่ในน้ำ   แต่พบในปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น   โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  น้ำดื่มบรรจุขวดทั่วไป (น้ำ RO)  แทบจะไม่มีแมกนีเซียมอยู่เลย


การขาดแมกนีเซียม

         หากอาหารมีโปรตีนน้อยมาก (น้อยกว่า 30 กรัมต่อวัน) การดูดซึมแมกนีเซียมของร่างกายจะลดลง    ในสถานการณ์ที่ร่างกายมีแมกนีเซียมน้อยเกินไป   ร่างกายจะพยายามรักษาระดับความเข้มข้นของแมกนีเซียมในเลือดให้เป็นปกติ  โดยการปล่อยแมกนีเซียมที่เกาะอยู่ในเนื้อเยื่อกระดูก (เช่นเดียวกับ แคลเซียม)    เนื่องจากกลไกที่ซับซ้อนนี้  การวัดระดับแมกนีเซียมในเลือดจึงไม่ใช่วิธีที่มีประโยชน์ในการตรวจสอบว่า  เรามีปริมาณแมกนีเซียมในร่างกายมากน้อยแค่ไหน

         ร่างกายสูญเสียแมกนีเซียมจากรูปแบบการรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ   และแมกนีเซียมที่กักเก็บไว้ในร่างกาย  จะสูญเสียไปได้ด้วยการดื่มแอลกอฮอล์, การออกกำลังกายอย่างหนัก  และความเครียด


การได้รับแมกนีเซียมเกินขนาด

         ไตของเราจะขับแมกนีเซียมออกทางปัสสาวะ  หากร่างกายได้รับแมกนีเซียมมากเกินความต้องการ     เมื่อความต้องการแมกนีเซียมของร่างกายอิ่มตัว   การบริโภคแมกนีเซียมเพิ่มเติมจะทำให้มีอาการท้องเสีย  ซึ่งจะช่วยป้องกันการได้รับแมกนีเซียมที่เกินขนาด     การบริโภคแมกนีเซียมในปริมาณที่สูงมาก (10 เท่าของปริมาณปกติ หรือมากกว่า) อาจทำให้เกิดอาการท้องร่วง, คลื่นไส้  และรู้สึกไม่สบายอื่น ๆ

         ผู้ที่มีปัญหาเรื่องไตบกพร่อง ไม่ควรรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมแมกนีเซียม ถ้าหากไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์

สิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับแมกนีเซียมสำหรับภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล

         คุณกังวลเกี่ยวกับสิ่งต่างๆอยู่ตลอดเวลาหรือไม่?     ความเครียดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้คุณไม่ผ่อนคลายแม้ในตอนท้ายของวันทำงานของคุณหรือไม่?     คุณมีปัญหานอนไม่หลับหรือไม่?    ถ้าเป็นเช่นนั้น  คุณอาจกำลังทุกข์ทรมานจากความวิตกกังวล  ที่หากปล่อยไว้ให้ดำเนินไป  อาจทำให้กลายเป็นความเจ็บป่วยเรื้อรังไปตลอดชีวิต

 

         คนจำนวนมากต้องทนทุกข์ทรมานจากโรควิตกกังวล  ซึ่งในหลาย ๆ กรณี  เริ่มต้นจากความเครียด   และความวิตกกังวลเป็นประจำกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต     ดังนั้น  มันจึงซ้อนทับกันจนถึงจุดที่ก่อให้เกิดอาการแพนิค, โรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD - obsessive-compulsive disorder) และแม้แต่ สภาวะป่วยทางจิตใจเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจอย่างร้ายแรง ส่งผลให้เกิดความเครียด (PTSD - post-traumatic stress disorder) 

 

         สถานประกอบการทางการแพทย์เสนอยาทางเภสัชกรรม และจิตบำบัดเป็นวิธีแก้ปัญหา   แต่จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าสาเหตุของภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวลในหลายๆกรณี  คือการขาดแร่ธาตุ    จะเกิดอะไรขึ้นถ้าสิ่งที่เรียบง่ายอย่างการบริโภคแมกนีเซียมมากขึ้น  ช่วยทำให้คุณอุ่นใจได้ทุกวัน?    ต่อไปเราจะสำรวจงานวิจัยบางส่วน  และประโยชน์ของแมกนีเซียมสำหรับภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล

 

ยิ่งมีการขาดแมกนีเซียมเพิ่มขึ้น  ก็จะมีอาการเจ็บป่วยเรื้อรังเพิ่มขึ้น

         การวิจัยจำนวนมากขึ้นชี้ให้เห็นว่า  การขาดแมกนีเซียมเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพมากมาย    

         ปฏิกิริยาเคมีที่สำคัญมากกว่า 600 ปฏิกิริยาในร่างกาย  ต้องการแมกนีเซียม เช่น :

  • การสร้างพลังงาน
  • การสร้างโปรตีน
  • การบำรุงรักษายีน
  • การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ
  • การควบคุมระบบประสาท
             แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้รับแมกนีเซียมอย่างเพียงพอจากการรับประทานอาหาร  ซึ่งอาจทำให้คุณขาดแร่ธาตุที่จำเป็นแก่ชีวิตนี้

         แม้แต่คนที่คิดว่าตนเองมีสุขภาพดี  ก็อาจได้รับแมกนีเซียมไม่เพียงพอ  เนื่องจากการสัมผัสสารเคมี, ดินที่ขาดแร่ธาตุ  และการรับประทานอาหารแปรรูป

 

 

ระดับแมกนีเซียมในอาหารมีปริมาณลดลง

         ตัวอย่างเช่น  Refined wheat มีแมกนีเซียมเพียง 16% ของปริมาณเดิมเมื่อเทียบกับโฮลวีต  อาหารอื่น ๆ ก็พอ ๆ กัน หรือแย่กว่านั้น    และถึงแม้อาหารที่ดีต่อสุขภาพ  ก็อาจมีระดับแมกนีเซียมลดลง เพราะแหล่งแร่ธาตุในดินหมดไป

 

         ดังนั้น  การบริโภคแมกนีเซียมโดยเฉลี่ยจึงลดลงจากประมาณ 450 มิลลิกรัมต่อวันในศตวรรษที่ 19    ลดลงเป็น 250 มก. หรือน้อยกว่าต่อวัน ในศตวรรษที่ 20 และต้นศตวรรษที่ 21

 

 

นักกีฬาต้องการแมกนีเซียมมากขึ้น

         หากคุณออกกำลังกายเป็นประจำ   คุณอาจมีอาการขาดแมกนีเซียมมากขึ้น  เนื่องจากนักกีฬาต้องการแมกนีเซียมเพิ่มขึ้นอีก 10-20% 

 

         มีเพียงคุณเท่านั้นที่รู้จักร่างกายของคุณเอง    ถ้าคุณรู้สึกเฉื่อยชา, กังวล, เครียด หรือซึมเศร้าอยู่ตลอดเวลา  โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่มีเหตุผลชัดเจน   นี่อาจเป็นเพราะร่างกายของคุณบอกคุณว่า  คุณต้องการแมกนีเซียมมากขึ้นเพื่อสงบระบบประสาทจากความวิตกกังวล, เพื่อไปเลี้ยงสมอง และส่งเสริมความรู้สึกสมดุล, สงบ  และความเป็นอยู่ที่ดีโดยรวม

 

ความผิดปกติทางอารมณ์พบได้น้อยในช่วงต้นทศวรรษ 1900

         ลองพิจารณาความจริงที่ว่า  คนที่เกิดในช่วงปี 1900 ไม่ค่อยมีอาการซึมเศร้าทั้งในวัยเด็กหรือวัยผู้ใหญ่     อัตราการซึมเศร้าแทบจะไม่ถึง 1%

         อย่างไรก็ตาม  ในปี 1935   เพิ่มขึ้นเป็น 1%   ซึ่งในตอนนั้น คนอาจมีอายุ 15 ปี   และเพิ่มเป็น 2% เมื่ออายุครบ 25 ปี   เมื่ออายุ 45 ปีพบว่า  ผู้ที่เกิดในปี 1935 นั้น  มีจำนวนมากถึง 9% ที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากภาวะซึมเศร้า


อัตราอาการซึมเศร้าเพิ่มขึ้นเป็น 25% ในปี 1955

         ตัวเลขเหล่านี้เพิ่มขึ้นตามลำดับสำหรับผู้ที่เกิดในปี 1955   โดย 6% ของผู้คนในกลุ่มประชากรนี้  พัฒนาภาวะซึมเศร้าเมื่ออายุ 25 ปี   และ 25% ของคนที่เกิดในปี 1955 นี้มีการเกิดภาวะซึมเศร้าขึ้นในช่วงหนึ่งช่วงใดของชีวิต

ภาวะซึมเศร้าในปัจจุบันเป็นปัญหาระดับโลก

         ทุกวันนี้  เกือบครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมดจะเป็นโรคซึมเศร้า  ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมาก   ซึ่งสอดคล้องโดยตรงกับอัตราการขาดแมกนีเซียมที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งกำลังกลายเป็นปัญหาระดับโลกอย่างรวดเร็ว

 

 

สัญญาณและอาการของโรคซึมเศร้า

         อาการซึมเศร้าไม่ใช่แค่ความรู้สึกเศร้าตลอดเวลา     อาการหลักของภาวะซึมเศร้า ได้แก่ :

  • ขาดพลังงาน
  • ความอยากอาหารเพิ่มขึ้นหรือลดลง
  • มีความผิดปกติของน้ำหนักตัวและในการนอนหลับ (หลับยาก หรือหลับไม่สนิท, ตื่นตอนเช้ามาก และ melancholic depression - (โรคซึมเศร้ารุนแรง) กำหนดโดยการสูญเสียความสุขในกิจกรรมเกือบทั้งหมดหรือทั้งหมด (anhedonia) คือ ไม่มีปฏิกิริยาต่อสิ่งเร้าที่น่าชอบใจ เป็นความซึมเศร้าที่รุนแรงกว่าความเศร้าโศกหรือการสูญเสียทั่ว ๆ ไป โดยมีอาการแย่ลงในช่วงเช้า ๆ)

    ในด้านอารมณ์อาการอาจรวมถึง:
  • กระวนกระวายง่าย
  • ความเศร้า
  • การไม่ตอบสนอง (ความรู้สึก“ ไร้ความรู้สึก”)
  • พฤติกรรมเอาแน่เอานอนไม่ได้
  • unfounded guilt
  • ความคิดฆ่าตัวตาย
             เนื่องจากสมองของมนุษย์ได้รับการเติมเชื้อเพลิงจากแมกนีเซียม  จึงทำให้การขาดแมกนีเซียม อาจทำให้เกิดอารมณ์แปรปรวน, “Brain Fog หรือ ภาวะสมองล้า” และเมื่อเวลาผ่านไปอาจเกิดปัญหาสุขภาพที่รุนแรงมากขึ้น หากยังมีอาการขาดอยู่ 

         วิทยาศาสตร์ระบุว่า  การขาดแมกนีเซียมเป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดความเจ็บป่วยทางจิตและปัญหาสุขภาพอื่น ๆ อีกมาก

 

อาการซึมเศร้าและความวิตกกังวลเป็นความผิดปกติทางจิตประสาท

(Neuropsychiatric Disorders)

         ความผิดปกติทางจิตประสาท (ซึ่งรวมถึงภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล) คิดเป็น 36% ของความเจ็บป่วยที่ไม่ติดต่อทั้งหมด     

 

         หากคุณไม่คุ้นเคยกับคำศัพท์ดังกล่าว   Neuropsychiatric Disorders (ความผิดปกติทางจิตประสาท)  เป็นคำที่ครอบคลุมสภาวะต่างๆที่มีผลต่อระบบประสาท (nervous system) และจิตวิทยา ซึ่งรวมถึง:

 

  • การเสพติดบางประเภท
  • ความผิดปกติของการกิน
  • palsies
  • อาการชัก
  • ปวดหัวไมเกรน
  • unfiltered anger
  • โรคสมาธิสั้น (attention deficits)
  • ภาวะสมองเสื่อม (ภาวะที่การทํางานของสมองเสื่อมถอยลง)
  • ความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า
             นอกเหนือจากความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า   การแก้ไขการขาดแมกนีเซียมยังแสดงให้เห็นว่า มีประโยชน์กับโรคทางระบบประสาทอื่น ๆ เช่น อาการปวดหัวไมเกรน และ ADHD (โรคสมาธิสั้น หรือ ภาวะสมาธิสั้น (Attention Deficit Hyperactivity Disorder))

 

เคสส่วนใหญ่ของโรคซึมเศร้า ดื้อต่อการรักษาโดยใช้ยา

         ความจริงที่น่าเสียดายที่การรักษาความผิดปกติทางจิต (รวมถึงความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า) ก็คือ  ยามักไม่ได้ผล  และอาจทำให้สิ่งต่างๆแย่ลงได้ในบางกรณี     การศึกษาพบว่า  เคสส่วนใหญ่ของโรคซึมเศร้ามักดื้อต่อการรักษาโดยใช้ยาอยู่แล้ว  ซึ่งเป็นพยาธิสภาพที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า  ภาวะซึมเศร้าที่ดื้อต่อการรักษา 

         ยาต้านอาการซึมเศร้าบางชนิดได้รับการพิสูจน์แล้วว่า  ให้ประโยชน์เพียงเล็กน้อย   แต่อาจเป็นเพราะยาเหล่านี้ทำงานเพื่อเพิ่มระดับแมกนีเซียมในสมอง    กล่าวอีกนัยหนึ่ง  แมกนีเซียมเป็นสารออกฤทธิ์ในการรักษา  ในขณะที่ยาดังกล่าวทำหน้าที่เป็นเพียงพาหนะนำส่งเพื่อให้แมกนีเซียมไปยังที่ที่ต้องการ

         เนื่องจากไม่มียาใดที่ปราศจากผลข้างเคียง   จึงควรปรึกษาแพทย์ว่า  การเสริมแมกนีเซียมมีประโยชน์ต่อการจัดการกับความวิตกกังวลหรือภาวะซึมเศร้าของคุณหรือไม่

 

 

การขาดแมกนีเซียมเชื่อมโยงกับปัญหาสมองและระบบประสาทอื่น ๆ

         ปรากฎว่า  ปัจจัยเสี่ยงหลายประการของภาวะซึมเศร้าทับซ้อนโดยตรงกับอาการของการขาดแมกนีเซียม เช่น:

 

  • ความดันโลหิตต่ำ
  • ความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจลดลง (reduced heart rate variability - HRV)
  • นอนไม่หลับ
  • ตัวชี้วัดการอักเสบเพิ่มขึ้น เช่น พลาสมา interleukin 6 (IL-6), TNFα  และ prostaglandin E2 (PDE2)

         การขาดแมกนีเซียมที่นำไปสู่พยาธิสภาพทางจิตใจ  สามารถกระตุ้นกลไกทางพยาธิสรีรวิทยาเช่น:

 

  • แกนฮอร์โมนความเครียดเพิ่มขึ้น (HPA-axis : Hypothalamic-pituitary-adrenal axis)
  • ความหนาแน่นสูงขึ้นของการเคลื่อนไหวของดวงตาอย่างรวดเร็ว (rapid eye movements)ในระหว่างการนอนหลับ
  • ระยะหลับลึก หรือเรียกว่า Slow wave sleep (SWS) น้อยลง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรอบการนอนหลับครั้งแรก
             การขาดแมกนีเซียมยังทำให้ช่องแคลเซียม (calcium channels) ร่วมกับ N-methyl-D-aspartate (NMDA) มีแนวโน้มที่จะเปิด  ซึ่งจะทำให้เกิดการบาดเจ็บของเซลล์ประสาทและความผิดปกติของระบบประสาท     สิ่งนี้อธิบายได้ว่า  ทำไมสารต้านการอักเสบเช่น TNFα-antagonists, การยับยั้ง ไซโคลออกซีจีเนส  และกรดไขมันโอเมก้า 3   จึงถูกแสดงในการศึกษาว่า  มีฤทธิ์ต้านอาการซึมเศร้า

 

         ทั้งหมดนี้จะกล่าวได้ว่า  หากขาดแมกนีเซียม  สมองและระบบประสาทก็อาจจะยุ่งเหยิงได้     ข่าวดีก็คือ  การรับประทานแมกนีเซียมให้มากขึ้นจากอาหารและ / หรืออาหารเสริมได้แสดงให้เห็นผลในทางตรงกันข้าม

 

การศึกษาแสดงให้เห็นว่าแมกนีเซียมสามารถลดความรู้สึกเครียดและทำให้อารมณ์ดีขึ้น

         หนึ่งในการศึกษาครั้งแรกที่ได้รับการตีพิมพ์  เกี่ยวกับการรักษาความคิดอัตโนมัติด้านลบ (agitated depression) ด้วยแมกนีเซียม ในปีพ. ศ. 2464 พบว่า 88% ของผู้ที่ได้รับยานี้มีผลลัพธ์ที่ประสบความสำเร็จ    เมื่อไม่นานมานี้  การทดลองแบบสุ่ม แบบควบคุมพบว่า  ผู้สูงอายุที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ที่รับประทานแมกนีเซียม 450 มก. ทุกวัน   จะช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นในระดับเดียวกันหรือดีกว่าการใช้ยาต้านอาการซึมเศร้า 

         การศึกษาอื่นที่ศึกษาในนักกีฬาที่รับประทานแมกนีเซียมเป็นเวลา 4 สัปดาห์พบว่า  พวกเขามีความสามารถเพิ่มขึ้นอย่างมากในการวิ่ง, ปั่นจักรยาน และว่ายน้ำ  ในระหว่างการแข่งขันไตรกีฬา    และที่สำคัญกว่านั้น  ในแง่ของสุขภาพสมอง   นักกีฬาเหล่านี้พบว่า  ระดับอินซูลินและคอร์ติซอลฮอร์โมนความเครียดลดลงอย่างเห็นได้ชัด   ส่งผลให้ความเครียด และความวิตกกังวลลดลง 

 

แมกนีเซียมที่ดีที่สุดสำหรับความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าคืออะไร?

         paper-listing-different-types-of-magnesium

         ในขณะที่ผู้คนจำนวนมาก (รวมถึงผู้ที่มีความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า) เริ่มตระหนักถึงผลของการขาดแมกนีเซียม    แต่หลายคนก็สับสนเกี่ยวกับวิธีการแก้ไข  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  เมื่อมีตัวเลือกมากมายสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมแมกนีเซียม

 

         อย่างที่คุณจะคาดได้   อาหารเสริมแมกนีเซียมแต่ละชนิดไม่ได้มีคุณภาพเท่ากัน    หลายคนใช้แมกนีเซียมในรูปแบบราคาถูก  ซึ่งขาดความสามารถในการดูดซึม

แมกนีเซียมอินทรีย์เทียบกับแมกนีเซียมอนินทรีย์ (Organic vs Inorganic Magnesium)

         เกลือแมกนีเซียมมีอยู่ 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ อินทรีย์และอนินทรีย์

 

เกลืออนินทรีย์ของแมกนีเซียม ได้แก่ :

 

  • แมกนีเซียม ออกไซด์ (ส่วนประกอบหลักใน มิลค์ออฟแมกนีเซีย)
  • แมกนีเซียม คลอไรด์
  • แมกนีเซียม ไฮดรอกไซด์
  • แมกนีเซียม ซัลเฟต (เกลือเอปซอม)
             เกลือแมกนีเซียมอนินทรีย์มีแมกนีเซียมที่มีความเข้มข้นสูงกว่า   แต่ร่างกายดูดซึมได้ยากกว่ามาก ตัวอย่างเช่น  ร่างกายสามารถดูดซึมแมกนีเซียมออกไซด์ได้ประมาณ 4% จากการรับประทาน

          แมกนีเซียม ออกไซด์  ยังมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดอาการท้องร่วง เนื่องจากมีการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายน้อยลง  จึงทำให้แมกนีเซียมในลำไส้ทำหน้าที่เป็นยาระบายได้มากขึ้น     ยาระบายนี้มีประโยชน์หากคุณมีอาการท้องผูก แต่อาจไม่เป็นที่พึงปรารถนาในช่วงเวลาอื่น!

          เกลืออินทรีย์มีความสามารถในการดูดซึมสูงกว่ามาก