Bio-Magnesium
ไบโอ - แมกนีเซียม
แมกนีเซียมคอมเพล็กซ์ - ละลายน้ำและดูดซึมได้สูง (มังสวิรัติ)
- ไบโอ - แมกนีเซียมประกอบด้วยสารประกอบเชิงซ้อนที่มีเกลือแมกนีเซียม 3 ชนิดที่แตกต่างกัน ทำให้ละลายได้เร็วและดูดซึมได้ง่าย
- ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้เป็นปกติ
- มีส่วนช่วยในการทำงานของเส้นประสาท และการหดตัวของกล้ามเนื้อตามปกติ
- มีส่วนช่วยในการลดความเหนื่อยล้า, อ่อนเพลีย
- ผลิตภายใต้การควบคุมด้านเภสัชกรรมของเดนมาร์ก
1 เม็ดประกอบด้วย: แมกนีเซียม 200 มก.
ข้อมูลผลิตภัณฑ์
ขนาดรับประทาน : วันละ 1 เม็ด หรือตามแพทย์แนะนำ ไม่ควรรับประทานเกินปริมาณที่แนะนำต่อวัน
สามารถรับประทานทั้งเม็ด หรือละลายในน้ำ ไม่จำเป็นต้องรับประทานพร้อมกับอาหาร
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่ควรทดแทนอาหารที่หลากหลาย วิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีและการรับประทานอาหารที่สมดุลหลากหลายมีความสำคัญต่อการรักษาสุขภาพที่ดี
เหมาะสำหรับผู้ทานมังสวิรัติ
ส่วนประกอบ : แมกนีเซียม คาร์บอเนต, แมกนีเซียม ไฮดรอกไซด์, แมกนีเซียม อะซิเตท
ไมโครคริสตัลไลน์ เซลลูโลส, ไดแคลเซียม ฟอสเฟต, ซิลิกอนไดออกไซด์
การจัดเก็บ : ควรเก็บในที่มืดแห้ง และที่อุณหภูมิห้อง เก็บให้พ้นมือเด็ก
ไบโอ - แมกนีเซียมคืออะไร?
ไบโอ - แมกนีเซียม เป็นเกลือแมกนีเซียมที่แตกต่างกัน 3 ชนิด แต่ละเม็ดให้แมกนีเซียมบริสุทธิ์ 200 มก. ไบโอ - แมกนีเซียม มีส่วนผสมของแมกนีเซียมในรูปแบบอินทรีย์และอนินทรีย์ในเมทริกซ์ ซึ่งทำให้ละลายหมดภายในเวลาไม่กี่นาที แมกนีเซียมจะถูกเปลี่ยนเป็นไอออนที่ดูดซึมได้ และมีการดูดซึมสูง แม้ในผู้ที่มีปริมาณกรดในกระเพาะอาหารต่ำ โดยปกติแล้วเม็ดไบโอ - แมกนีเซียม สามารถกลืนได้เม็ด และยังสามารถเคี้ยวหรือละลายในน้ำได้เช่นกัน ไบโอ - แมกนีเซียม ไม่จำเป็นต้องบริโภคร่วมกับอาหาร
การทดสอบแมกนีเซียม
คุณ ในฐานะผู้บริโภค สามารถทดสอบได้ว่าเม็ดแมกนีเซียมของคุณละลายได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ เราได้วางเม็ดแมกนีเซียมสองเม็ดในแก้วน้ำแยกกัน ในแก้วด้านซ้าย คือ Bio-Magnesium จาก Pharma Nord จะละลายจนหมด และพร้อมที่จะดูดซึมหลังจากนั้นไม่กี่นาที ในแก้วทางด้านขวา เราใส่แท็บเล็ตแมกนีเซียมยี่ห้ออื่น แม้ว่าจะอยู่ในน้ำ 24 ชั่วโมง แมกนีเซียมยี่ห้อนั้น ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะละลาย
การดูดซึม
การศึกษาในปี 2008 พบว่า หลังจากรับประทาน ไบโอ - แมกนีเซียม ทุกวันเป็นเวลา 8 สัปดาห์ ปริมาณแมกนีเซียมในเลือดสูงกว่ากลุ่มควบคุมที่ไม่ได้รับแมกนีเซียมถึง 6 เท่า
แมกนีเซียมคืออะไร?
แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นและเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างอัลคาไลน์ นอกจากนี้ ยังเป็นแร่ธาตุที่มีมากเป็นอันดับ 4 ในร่างกายมนุษย์ 98% ของแมกนีเซียมจะอยู่ในเซลล์ ในผู้ใหญ่มีแมกนีเซียมประมาณ 24 กรัม ประมาณ 25% ของแมกนีเซียม พบในเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อ และประมาณ 60% อยู่ในกระดูกของเราร่วมกับแร่ธาตุอื่น ๆ เช่น แคลเซียมและฟอสฟอรัส
แมกนีเซียม มีบทบาทสำคัญหลายประการในร่างกาย สนับสนุนกระบวนการของเอนไซม์ที่แตกต่างกันมากกว่า 300 กระบวนการ สิ่งต่อไปนี้ อาจช่วยอธิบายความสำคัญของแมกนีเซียมได้ แมกนีเซียมมีส่วนช่วยในการ:
- การทำงานของกล้ามเนื้อตามปกติ
- การเผาผลาญพลังงานปกติ
- บำรุงกระดูกและฟันให้เป็นปกติ
- ฟังก์ชั่นทางจิตวิทยาปกติและสมดุลของอิเล็กโทรไลต์
- การทำงานปกติของระบบประสาท
- ลดความเหนื่อยล้า
- การสังเคราะห์โปรตีนตามปกติ
- และมีบทบาทในกระบวนการแบ่งเซลล์
วิทยาศาสตร์เริ่มให้ความสนใจแมกนีเซียมมากขึ้น เนื่องจากแร่แมกนีเซียมมีบทบาทอย่างมากต่อการทำงานของร่างกายที่แตกต่างกันมากมาย ในขณะเดียวกัน ความต้องการแมกนีเซียมเสริม ก็จะมากขึ้นในหมู่นักดื่มกาแฟ และนักกีฬา เนื่องจากการบริโภคกาแฟมากเกินไป และเหงื่อออกมาก จะทำให้แมกนีเซียมในร่างกายหมดไป
แหล่งแมกนีเซียมที่ดี
แมกนีเซียมพบได้ในอาหารที่แตกต่างกัน แหล่งที่ดีของแมกนีเซียม ได้แก่ :
- ถั่ว
- อัลมอนด์
- ผักใบเขียว
- เมล็ดพืช
- ข้าวโอ้ต
- ผักตระกูลคะน้า - กะหล่ำปลี
มีแมกนีเซียมอยู่ในน้ำ แต่พบในปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำดื่มบรรจุขวดทั่วไป (น้ำ RO) แทบจะไม่มีแมกนีเซียมอยู่เลย
การขาดแมกนีเซียม
หากอาหารมีโปรตีนน้อยมาก (น้อยกว่า 30 กรัมต่อวัน) การดูดซึมแมกนีเซียมของร่างกายจะลดลง ในสถานการณ์ที่ร่างกายมีแมกนีเซียมน้อยเกินไป ร่างกายจะพยายามรักษาระดับความเข้มข้นของแมกนีเซียมในเลือดให้เป็นปกติ โดยการปล่อยแมกนีเซียมที่เกาะอยู่ในเนื้อเยื่อกระดูก (เช่นเดียวกับ แคลเซียม) เนื่องจากกลไกที่ซับซ้อนนี้ การวัดระดับแมกนีเซียมในเลือดจึงไม่ใช่วิธีที่มีประโยชน์ในการตรวจสอบว่า เรามีปริมาณแมกนีเซียมในร่างกายมากน้อยแค่ไหน
ร่างกายสูญเสียแมกนีเซียมจากรูปแบบการรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ และแมกนีเซียมที่กักเก็บไว้ในร่างกาย จะสูญเสียไปได้ด้วยการดื่มแอลกอฮอล์, การออกกำลังกายอย่างหนัก และความเครียด
การได้รับแมกนีเซียมเกินขนาด
ไตของเราจะขับแมกนีเซียมออกทางปัสสาวะ หากร่างกายได้รับแมกนีเซียมมากเกินความต้องการ เมื่อความต้องการแมกนีเซียมของร่างกายอิ่มตัว การบริโภคแมกนีเซียมเพิ่มเติมจะทำให้มีอาการท้องเสีย ซึ่งจะช่วยป้องกันการได้รับแมกนีเซียมที่เกินขนาด การบริโภคแมกนีเซียมในปริมาณที่สูงมาก (10 เท่าของปริมาณปกติ หรือมากกว่า) อาจทำให้เกิดอาการท้องร่วง, คลื่นไส้ และรู้สึกไม่สบายอื่น ๆ
ผู้ที่มีปัญหาเรื่องไตบกพร่อง ไม่ควรรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมแมกนีเซียม ถ้าหากไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
สิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับแมกนีเซียมสำหรับภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล
คุณกังวลเกี่ยวกับสิ่งต่างๆอยู่ตลอดเวลาหรือไม่? ความเครียดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้คุณไม่ผ่อนคลายแม้ในตอนท้ายของวันทำงานของคุณหรือไม่? คุณมีปัญหานอนไม่หลับหรือไม่? ถ้าเป็นเช่นนั้น คุณอาจกำลังทุกข์ทรมานจากความวิตกกังวล ที่หากปล่อยไว้ให้ดำเนินไป อาจทำให้กลายเป็นความเจ็บป่วยเรื้อรังไปตลอดชีวิต
คนจำนวนมากต้องทนทุกข์ทรมานจากโรควิตกกังวล ซึ่งในหลาย ๆ กรณี เริ่มต้นจากความเครียด และความวิตกกังวลเป็นประจำกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ดังนั้น มันจึงซ้อนทับกันจนถึงจุดที่ก่อให้เกิดอาการแพนิค, โรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD - obsessive-compulsive disorder) และแม้แต่ สภาวะป่วยทางจิตใจเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์
สถานประกอบการทางการแพทย์เสนอยาทางเภสัชกรรม และจิตบำบัดเป็นวิธีแก้ปัญหา แต่จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าสาเหตุของภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวลในหลายๆกรณี คือการขาดแร่ธาตุ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าสิ่งที่เรียบง่ายอย่างการบริโภคแมกนีเซียมมากขึ้น ช่วยทำให้คุณอุ่นใจได้ทุกวัน? ต่อไปเราจะสำรวจงานวิจัยบางส่วน และประโยชน์ของแมกนีเซียมสำหรับภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล
ยิ่งมีการขาดแมกนีเซียมเพิ่มขึ้น ก็จะมีอาการเจ็บป่วยเรื้อรังเพิ่มขึ้น
การวิจัยจำนวนมากขึ้นชี้ให้เห็นว่า การขาดแมกนีเซียมเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพมากมาย
ปฏิกิริยาเคมีที่สำคัญมากกว่า 600 ปฏิกิริยาในร่างกาย ต้องการแมกนีเซียม เช่น :
- การสร้างพลังงาน
- การสร้างโปรตีน
- การบำรุงรักษายีน
- การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ
- การควบคุมระบบประสาท
แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้รับแมกนีเซียมอย่างเพียงพอจากการรับประทานอาหาร ซึ่งอาจทำให้คุณขาดแร่ธาตุที่จำเป็นแก่ชีวิตนี้
แม้แต่คนที่คิดว่าตนเองมีสุขภาพดี ก็อาจได้รับแมกนีเซียมไม่เพียงพอ เนื่องจากการสัมผัสสารเคมี, ดินที่ขาดแร่ธาตุ และการรับประทานอาหารแปรรูป
ระดับแมกนีเซียมในอาหารมีปริมาณลดลง
ตัวอย่างเช่น Refined wheat มีแมกนีเซียมเพียง 16% ของปริมาณเดิมเมื่อเทียบกับโฮลวีต อาหารอื่น ๆ ก็พอ ๆ กัน หรือแย่กว่านั้น และถึงแม้อาหารที่ดีต่อสุขภาพ ก็อาจมีระดับแมกนีเซียมลดลง เพราะแหล่งแร่ธาตุในดินหมดไป
ดังนั้น การบริโภคแมกนีเซียมโดยเฉลี่ยจึงลดลงจากประมาณ 450 มิลลิกรัมต่อวันในศตวรรษที่ 19 ลดลงเป็น 250 มก. หรือน้อยกว่าต่อวัน ในศตวรรษที่ 20 และต้นศตวรรษที่ 21
นักกีฬาต้องการแมกนีเซียมมากขึ้น
หากคุณออกกำลังกายเป็นประจำ คุณอาจมีอาการขาดแมกนีเซียมมากขึ้น เนื่องจากนักกีฬาต้องการแมกนีเซียมเพิ่มขึ้นอีก 10-20%
มีเพียงคุณเท่านั้นที่รู้จักร่างกายของคุณเอง ถ้าคุณรู้สึกเฉื่อยชา, กังวล, เครียด หรือซึมเศร้าอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่มีเหตุผลชัดเจน นี่อาจเป็นเพราะร่างกายของคุณบอกคุณว่า คุณต้องการแมกนีเซียมมากขึ้นเพื่อสงบระบบประสาทจากความวิตกกังวล, เพื่อไปเลี้ยงสมอง และส่งเสริมความรู้สึกสมดุล, สงบ และความเป็นอยู่ที่ดีโดยรวม
ความผิดปกติทางอารมณ์พบได้น้อยในช่วงต้นทศวรรษ 1900
ลองพิจารณาความจริงที่ว่า คนที่เกิดในช่วงปี 1900 ไม่ค่อยมีอาการซึมเศร้าทั้งในวัยเด็กหรือวัยผู้ใหญ่ อัตราการซึมเศร้าแทบจะไม่ถึง 1%
อย่างไรก็ตาม ในปี 1935 เพิ่มขึ้นเป็น 1% ซึ่งในตอนนั้น คนอาจมีอายุ 15 ปี และเพิ่มเป็น 2% เมื่ออายุครบ 25 ปี เมื่ออายุ 45 ปีพบว่า ผู้ที่เกิดในปี 1935 นั้น มีจำนวนมากถึง 9% ที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากภาวะซึมเศร้า
อัตราอาการซึมเศร้าเพิ่มขึ้นเป็น 25% ในปี 1955
ตัวเลขเหล่านี้เพิ่มขึ้นตามลำดับสำหรับผู้ที่เกิดในปี 1955 โดย 6% ของผู้คนในกลุ่มประชากรนี้ พัฒนาภาวะซึมเศร้าเมื่ออายุ 25 ปี และ 25% ของคนที่เกิดในปี 1955 นี้มีการเกิดภาวะซึมเศร้าขึ้นในช่วงหนึ่งช่วงใดของชีวิต
ภาวะซึมเศร้าในปัจจุบันเป็นปัญหาระดับโลก
ทุกวันนี้ เกือบครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมดจะเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งสอดคล้องโดยตรงกับอัตราการขาดแมกนีเซียมที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งกำลังกลายเป็นปัญหาระดับโลกอย่างรวดเร็ว
สัญญาณและอาการของโรคซึมเศร้า
อาการซึมเศร้าไม่ใช่แค่ความรู้สึกเศร้าตลอดเวลา อาการหลักของภาวะซึมเศร้า ได้แก่ :
- ขาดพลังงาน
- ความอยากอาหารเพิ่มขึ้นหรือลดลง
- มีความผิดปกติของน้ำหนักตัวและในการนอนหลับ (หลับยาก หรือหลับไม่สนิท, ตื่นตอนเช้ามาก และ melancholic depression - (โรคซึมเศร้ารุนแรง) กำหนดโดยการสูญเสียความสุขในกิจกรรมเกือบทั้งหมดหรือทั้งหมด (anhedonia) คือ ไม่มีปฏิกิริยาต่อสิ่งเร้าที่น่าชอบใจ เป็นความซึมเศร้าที่รุนแรงกว่าความเศร้าโศกหรือการสูญเสียทั่ว ๆ ไป โดยมีอาการแย่ลงในช่วงเช้า ๆ)
ในด้านอารมณ์อาการอาจรวมถึง: - กระวนกระวายง่าย
- ความเศร้า
- การไม่ตอบสนอง (ความรู้สึก“ ไร้ความรู้สึก”)
- พฤติกรรมเอาแน่เอานอนไม่ได้
- unfounded guilt
- ความคิดฆ่าตัวตาย
เนื่องจากสมองของมนุษย์ได้รับการเติมเชื้อเพลิงจากแมกนีเซียม จึงทำให้การขาดแมกนีเซียม อาจทำให้เกิดอารมณ์แปรปรวน, “Brain Fog หรือ ภาวะสมองล้า” และเมื่อเวลาผ่านไปอาจเกิดปัญหาสุขภาพที่รุนแรงมากขึ้น หากยังมีอาการขาดอยู่
วิทยาศาสตร์ระบุว่า การขาดแมกนีเซียมเป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดความเจ็บป่วยทางจิตและปัญหาสุขภาพอื่น ๆ อีกมาก
อาการซึมเศร้าและความวิตกกังวลเป็นความผิดปกติทางจิตประสาท
(Neuropsychiatric Disorders)
ความผิดปกติทางจิตประสาท (ซึ่งรวมถึงภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล) คิดเป็น 36% ของความเจ็บป่วยที่ไม่ติดต่อทั้งหมด
หากคุณไม่คุ้นเคยกับคำศัพท์ดังกล่าว Neuropsychiatric Disorders (ความผิดปกติทางจิตประสาท) เป็นคำที่ครอบคลุมสภาวะต่างๆที่มีผลต่อระบบประสาท (nervous system) และจิตวิทยา ซึ่งรวมถึง:
- การเสพติดบางประเภท
- ความผิดปกติของการกิน
- palsies
- อาการชัก
- ปวดหัวไมเกรน
- unfiltered anger
- โรคสมาธิสั้น (attention deficits)
- ภาวะสมองเสื่อม (ภาวะที่การทํางานของสมองเสื่อมถอยลง)
- ความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า
นอกเหนือจากความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า การแก้ไขการขาดแมกนีเซียมยังแสดงให้เห็นว่า มีประโยชน์กับโรคทางระบบประสาทอื่น ๆ เช่น อาการปวดหัวไมเกรน และ ADHD (โรคสมาธิสั้น หรือ ภาวะสมาธิสั้น (Attention Deficit Hyperactivity Disorder))
เคสส่วนใหญ่ของโรคซึมเศร้า ดื้อต่อการรักษาโดยใช้ยา
ความจริงที่น่าเสียดายที่การรักษาความผิดปกติทางจิต (รวมถึงความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า) ก็คือ ยามักไม่ได้ผล และอาจทำให้สิ่งต่างๆแย่ลงได้ในบางกรณี การศึกษาพบว่า เคสส่วนใหญ่ของโรคซึมเศร้ามักดื้อต่อการรักษาโดยใช้ยาอยู่แล้ว ซึ่งเป็นพยาธิสภาพที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า ภาวะซึมเศร้าที่ดื้อต่อการรักษา
ยาต้านอาการซึมเศร้าบางชนิดได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ให้ประโยชน์เพียงเล็กน้อย แต่อาจเป็นเพราะยาเหล่านี้ทำงานเพื่อเพิ่มระดับแมกนีเซียมในสมอง กล่าวอีกนัยหนึ่ง แมกนีเซียมเป็นสารออกฤทธิ์ในการรักษา ในขณะที่ยาดังกล่าวทำหน้าที่เป็นเพียงพาหนะนำส่งเพื่อให้แมกนีเซียมไปยังที่ที่ต้องการ
เนื่องจากไม่มียาใดที่ปราศจากผลข้างเคียง จึงควรปรึกษาแพทย์ว่า การเสริมแมกนีเซียมมีประโยชน์ต่อการจัดการกับความวิตกกังวลหรือภาวะซึมเศร้าของคุณหรือไม่
การขาดแมกนีเซียมเชื่อมโยงกับปัญหาสมองและระบบประสาทอื่น ๆ
ปรากฎว่า ปัจจัยเสี่ยงหลายประการของภาวะซึมเศร้าทับซ้อนโดยตรงกับอาการของการขาดแมกนีเซียม เช่น:
- ความดันโลหิตต่ำ
- ความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจลดลง (reduced heart rate variability - HRV)
- นอนไม่หลับ
- ตัวชี้วัดการอักเสบเพิ่มขึ้น เช่น พลาสมา interleukin 6 (IL-6), TNFα และ prostaglandin E2 (PDE2)
การขาดแมกนีเซียมที่นำไปสู่พยาธิสภาพทางจิตใจ สามารถกระตุ้นกลไกทางพยาธิสรีรวิทยาเช่น:
- แกนฮอร์โมนความเครียดเพิ่มขึ้น (HPA-axis : Hypothalamic-pituitary-adrenal axis)
- ความหนาแน่นสูงขึ้นของการเคลื่อนไหวของดวงตาอย่างรวดเร็ว (rapid eye movements)ในระหว่างการนอนหลับ
- ระยะหลับลึก หรือเรียกว่า Slow wave sleep (SWS) น้อยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรอบการนอนหลับครั้งแรก
การขาดแมกนีเซียมยังทำให้ช่องแคลเซียม (calcium channels) ร่วมกับ N-methyl-D-aspartate (NMDA) มีแนวโน้มที่จะเปิด ซึ่งจะทำให้เกิดการบาดเจ็บของเซลล์ประสาทและความผิดปกติของระบบประสาท สิ่งนี้อธิบายได้ว่า ทำไมสารต้านการอักเสบเช่น TNFα-antagonists, การยับยั้ง ไซโคลออกซีจีเนส และกรดไขมันโอเมก้า 3 จึงถูกแสดงในการศึกษาว่า มีฤทธิ์ต้านอาการซึมเศร้า
ทั้งหมดนี้จะกล่าวได้ว่า หากขาดแมกนีเซียม สมองและระบบประสาทก็อาจจะยุ่งเหยิงได้ ข่าวดีก็คือ การรับประทานแมกนีเซียมให้มากขึ้นจากอาหารและ / หรืออาหารเสริมได้แสดงให้เห็นผลในทางตรงกันข้าม
การศึกษาแสดงให้เห็นว่าแมกนีเซียมสามารถลดความรู้สึกเครียดและทำให้อารมณ์ดีขึ้น
หนึ่งในการศึกษาครั้งแรกที่ได้รับการตีพิมพ์ เกี่ยวกับการรักษาความคิด
การศึกษาอื่นที่ศึกษาในนักกีฬาที่รับประทานแมกนีเซียมเป็นเวลา 4 สัปดาห์พบว่า พวกเขามีความสามารถเพิ่มขึ้นอย่างมากในการวิ่ง, ปั่นจักรยาน และว่ายน้ำ ในระหว่างการแข่งขันไตรกีฬา และที่สำคัญกว่านั้น ในแง่ของสุขภาพสมอง นักกีฬาเหล่านี้พบว่า ระดับอินซูลินและคอร์ติซอลฮอร์โมนความเครียดลดลงอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้ความเครียด และความวิตกกังวลลดลง
แมกนีเซียมที่ดีที่สุดสำหรับความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าคืออะไร?
ในขณะที่ผู้คนจำนวนมาก (รวมถึงผู้ที่มีความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า) เริ่มตระหนักถึงผลของการขาดแมกนีเซียม แต่หลายคนก็สับสนเกี่ยวกับวิธีการแก้ไข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีตัวเลือกมากมายสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมแมกนีเซียม
อย่างที่คุณจะคาดได้ อาหารเสริมแมกนีเซียมแต่ละชนิดไม่ได้มีคุณภาพเท่ากัน หลายคนใช้แมกนีเซียมในรูปแบบราคาถูก ซึ่งขาดความสามารถในการดูดซึม
แมกนีเซียมอินทรีย์เทียบกับแมกนีเซียมอนินทรีย์ (Organic vs Inorganic Magnesium)
เกลือแมกนีเซียมมีอยู่ 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ อินทรีย์และอนินทรีย์
เกลืออนินทรีย์ของแมกนีเซียม ได้แก่ :
- แมกนีเซียม ออกไซด์ (ส่วนประกอบหลักใน มิลค์ออฟแมกนีเซีย)
- แมกนีเซียม คลอไรด์
- แมกนีเซียม ไฮดรอกไซด์
- แมกนีเซียม ซัลเฟต (เกลือเอปซอม)
เกลือแมกนีเซียมอนินทรีย์มีแมกนีเซียมที่มีความเข้มข้นสูงกว่า แต่ร่างกายดูดซึมได้ยากกว่ามาก ตัวอย่างเช่น ร่างกายสามารถดูดซึมแมกนีเซียมออกไซด์ได้ประมาณ 4% จากการรับประทาน
แมกนีเซียม ออกไซด์ ยังมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดอาการท้องร่วง เนื่องจากมีการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายน้อยลง จึงทำให้แมกนีเซียมในลำไส้ทำหน้าที่เป็นยาระบายได้มากขึ้น ยาระบายนี้มีประโยชน์หากคุณมีอาการท้องผูก แต่อาจไม่เป็นที่พึงปรารถนาในช่วงเวลาอื่น!
เกลืออินทรีย์มีความสามารถในการดูดซึมสูงกว่ามาก